วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

5.กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง กับกล้องจุลทรรศน์แบบอิเล็กตรอน  มีความเหมือน /  แตกต่าง  อย่างไรบ้าง
ตอบ    1. กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง
เป็นกล้องที่ได้รับการพัฒนาจากในอดีตอย่างมาก และใช้แสงที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ที่มีกำลังขยายถึง 2,000 เท่าเลยที่เดียวเชียวและเป็นกล้องที่ราคาถูกสามารถใช้ในงานที่ละเอียดพอประมาณ แบบได้เป็น 2 ประเภทดังนี้
(1) กล้องจุลทรรศน์ที่ใช้แสงแบบธรรมดา
ประกอบด้วยเลนส์ 2 ชนิดคือ เลนส์ใกล้วัตถุและเลนส์ใกล้ตา โดยใช้แสงผ่านวัตถุแล้วขึ้นมาที่เลนส์จนเห็นภาพที่บนวัตถุอย่างชัดเจน
(2) กล้องที่ใช้แสงแบบสเตอริโอ
เป็นกล้องที่ประกอบด้วยเลนส์ที่ทำให้เกิดภาพแบบ 3 มิติใช้ศึกษาวัตถุที่มีขนาดใหญ่แต่ตาเปล่าไม่สามารถแยกรายละเอียดได้จึงต้อง ใช้กล้องชนิดนี้ช่วยขยาย กล้องชนิดนี้มีข้อแตกต่างจากกล้องทั่วๆไป คือ

1. ภาพที่เห็นเป็นภาพเสมือนมีความชัดลึกและเป็นภาพสามมิติ
2. เลนส์ใกล้วัตถุมีกำลังขยายต่ำ คือ น้อยกว่า 1 เท่า
3. ใช้ศึกษาได้ทั้งวัตถุโปร่งแสงและวัตถุทึบแสง
4. ระยะห่างจากเลนส์ใกล้วัตถุกับวัตถุที่ศึกษาอยู่ในช่วง 63-225 มิลลิเมตร

2. กล้องจุลทรรศน์แบบอิเล็กตรอน
เป็นกล้องที่ใช้อิเล็กตรอนความถี่สูงให้การทำงานแทนแสง สามารถขยายได้ถึง 500,000 เท่า จนเห็นโมเลกุลที่อยู่ในโครงสร้างต่างๆได้เลย แต่ด้วยความสามารถขยายที่สูงราคาจึงสูงตาม
(1)กล้องอิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน (Transmission electron microscope) เรียกย่อว่า TEM
เอิร์น รุสกา สร้าวได้เป็นคนแรก เมื่อปี พ.ศ. 2475 ใช้ในการศึกษาโครงสร้างภายในเซลล์โดยลำแสงอิเล็กตรอนจะส่องผ่านเซลล์หรือ ตัวอย่างที่ศึกษา ซึ่งต้องมีการเตรียมแบบพิเศษและบางเป็นพิเศษด้วย
(2) กล้องอิเล็กตรอนแบบส่งกราด (Scanning electron microscope) เรียกย่อว่า  SEM เอ็ม วอน เอนเดนนี สร้างสำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2481 โดยใช้ศึกษาผิวของเซลล์หรือผิวของวัตถุที่นำมาศึกษา โดนลำแสงอิเล็กตรอนจะส่องกราดไปบนผิววัตถุ ทำให้ได้ภาพซึ่งมีลักษณะเป็นภาพ 3 มิติ

ตารางเปรียบเทียบกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง กับ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน

ลักษณะที่เปรียบเทียบ
กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง
กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน
1. แหล่งกำเนิดแสงกระจกหรือหลอดไฟปืนยิงอิเล็กตรอน
2. แสงที่ใช้แสงสว่างในช่วงที่ตามองเห็นได้ (ม่วง-แดง) ความยาวคลื่น 4,000-7,000 อังสตรอมลำแสงอิเล็กตรอนความยาวคลื่นประมาณ 0.05 อังสตรอม
3. ชนิดของเลนส์เลนส์แก้วเลนส์แม่เหล็กไฟฟ้า
4. กำลังขยาย1,000-1,500 เท่า200,000-500,000 เท่า หรือมากกว่า
5. ขนาดของวัตุที่เล็กที่สุดที่มองเห็น0.2 ไมโครเมตร0.0004 ไมโครเมตร
6. อากาศในตัวกล้องมีอากาศสุญญากาศ
7. ภาพที่ได้ภาพเสมือนหัวกลับดูได้จากเลนส์ตาภาพปรากฎบนจอรับภาพเรืองแสง
8. ระบบหล่อเย็นไม่มีมีเนื่องจากเกิดความร้อนมาก
9. วัตถุที่ส่องดูมีหรือไม่มีชีวิตไม่มีชีวิตเท่านั้น

6.มีคนกล่าวว่า virus  จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำลาย ทฤษฎีเซลล์   ท่านเห็นด้วยหรือไม่เพราะเหตุใด 
ตอบ     ไวรัส หมายถึงจุลินทรีย์ที่สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ (infectious agents) ทั้งในมนุษย์, สัตว์, พืช และ สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เป็นสิ่งมีชีวิตมีเซลล์ (cellular life) ทำให้เกิดโรคที่ส่งผลกระทบกว้างขวาง จึงมีความสำคัญที่จะต้องศึกษาทั้งในทางการแพทย์และทางเศรษฐกิจ ไวรัสเป็นปรสิตอยู่ ในร่างของสิ่งมีชีวิตอื่น (obligate intracellular parasite) ไม่สามารถเติบโตหรือแพร่พันธุ์นอกเซลล์อื่นได้ ไวรัสอาจถือได้ว่าเป็นจุลินทรีย์ที่มีลักษณะของการเป็นสิ่งมีชีวิตเพียง ประการเดียวคือสามารถแพร่พันธุ์ หรือการถ่ายทอดสารพันธุกรรมของตนเองจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง
                ทฤษฎีเซลล์ ตั้งโดย เทโอดอร์ ชวันน์ และ มัตทิอัส   ยาคบชไลเดน มีใจความว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหลายประกอบขึ้นด้วยเซลล์และเซลล์คือหน่วยพื้นฐานของสิ่งมี ชีวิตทุกชนิดและทฤษฎีเซลล์ในปัจจุบันยังครอบคลุมถึงใจความสำคัญ 3 ประการคือ
     1. สิ่งมีชีวิตทั้งหลายอาจมีเซล์เดียวหรือหลายเซลล์ และภายในเซลล์มีสารพันธุกรรมและมีกระบวนการเมแทบอลิซึม ทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นดำรงอยู่ได้
     2.เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตที่มีการจัดระบบการทำงานภายใจเซลล์และโครงสร้างของเซลล์
     3. เซลล์ต่าง ๆ มีกำเนิดมาจากเซลล์เริ่มแรกโดยการแบ่งเซลล์ของเซลล์เดิม (ตามทฤษฎีวิวัฒนาการของสารอินทรีย์ พบว่าสิ่งมีชีวิตแรกเริ่มเกิดมาจากสิ่งไม่มีชีวิต) โดยนักชีววิทยา ถือว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนเซลล์เป็นผลเสียสืบเนื่องมาจากเซลล์รุ่นก่อน

และเห็นด้วยกับข้อความดังกล่าว เพราะไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถเติบโตหรือแพร่พันธุ์นอกเซลล์ได้ หลังจากที่ไวรัสแพร่พันธุ์ได้เป็นจำนานมากมันจึงไปทำลายการจัดระบบการทำงานภายในเซลล์และโครงสร้างของเซลล์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น